ผมได้เห็นข่าวว่าจะมีงาน EDC ที่ประเทศไทย ตั้งแต่อดีตนายกเศรษฐาฯ ยังเป็นนายกอยู่ ตอนนั้นก็คิดว่าน่าไป พลาดไม่ได้ จนในที่สุดก็ได้จัดอย่างเป็นทางการในปี 2025 นี้เองที่ประเทศไทย
บัตรเริ่มขายกันตั้งแต่กลางปี 2024 ผ่านทาง Eventpop แต่ตอนนั้นผมก็ซื้อ Early Owl ไม่ทัน เลยลากยาวไปก็ยังไม่ได้ซื้อ เพราะราคาหลัง Early Owl หมดแล้วก็ราคาแรงอยู่ โชคยังดี ปลายปีมีบัตรเต่าบินxEDC เลยได้ซื้อบัตรไป โดยไม่ได้เจ็บตัวค่าบัตรมาก เพราะเอา gift card ไปขายต่อ 😂
แต่ที่จัดงานก็อยู่ที่ภูเก็ตโน่นเลย ไกลเหลือเกิน 5555 แต่ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นโอกาสได้ลาไปพักผ่อนไปในตัว การเดินทางผมเดินทางโดยขับรถไปเอง เพราะตั๋วบินราคาแรงอยู่ ขับไปตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. เพราะงานเริ่มวันศุกร์ที่ 17 ม.ค. จองที่พักไว้แถว ๆ Central ภูเก็ต เพราะว่าที่พักใกล้ ๆ งานราคาเกินเอื้อมไปไกลมากก หลังจากเดินทางถึงที่พัก ก็เอาบัตรแข็งมานั่ง Pre-Registration กันก่อน ไปถึงงานจะได้ไม่ต้องมานั่งกรอก
เริ่มงานวันแรก ลำบากตั้งแต่เริ่ม 5555 เพราะว่าหารถไปที่งานยากมาก กด Grab Car รอครึ่งชั่วโมง ก็ยังไม่ได้รถ เค้ากดรับแล้วยกเลิกกันรัว ๆ สุดท้ายต้องกด Grab Bike แล้วนั่งแว๊นไปงาน วันแรกไม่ได้ขับรถไปเพราะกลัวเมา ซึ่งจริง ๆ แล้วหากใครต้องการ เค้ามี package รถตู้รับส่งขายแยกไว้ให้ซื้อกันได้ ตอนซื้อตั๋วใน Eventpop นั่นแหละ
ไปถึงหน้างานก็เอา QR Code ที่ได้หลังจาก Pre-Regis ไปแล้ว กับบัตรแข็ง ไปรับ Wristband ที่หน้างาน ซึ่งหลังจากรับ Wristband ไปแล้ว วันถัดไปก็ไม่ต้องมานั่งลงทะเบียนใหม่อีกแล้ว ตัว Wristband จะมี Tag NFC ที่มีข้อมูลที่เราลงทะเบียนไปแล้ว และ NFC Tag นี้จะใช้เป็นกระเป๋าตังสำหรับใช้ซื้อเครื่องดื่มในงานด้วย
หลังรับ Wristband ก็จะมีด่านตรวจค้น ป้องกันการลักลอบนำอาวุธ, วัตถุอันตราย หรือยาเสพติดเข้าไปในงาน เมื่อตรวจค้นเสร็จก็จะต้องผ่านอีกด่านคือด่านเช็ค Wristband ซึ่งเค้าจะเช็ค Wristband ร่วมกับบัตรประชาชนของเรา ถ้าตรงกันก็ไม่มีปัญหาอะไร (คล้าย ๆ กับงาน 808 ที่เคยไป น่าจะเพราะจัดการโดยเจ้าเดียวกันคือ Eventpop)
เข้าไปในงานก็จะเจอกับร้านขายอาหาร และจุด Topup ยอดเงินเข้า Wristband ซึ่งจ่ายด้วยเงินสดหรือบัตรเครดิตก็ได้ (จ่ายบัตร ชาร์จ 3%) แต่เงินที่เติมเข้าไปจะ Refund ไม่ได้ ต้องใช้ให้หมด และยอดเงินที่เติมใช้ซื้อเครื่องดื่มอย่างเดียวเท่านั้น
บรรยากาศในงานดีมาก อากาศไม่ร้อน แต่คนก็เยอะมากเหมือนกัน DJ Line up ไม่ต้องพูดถึง ดีหมด เครื่องเสียงดี Stage ดีสุด ๆ ภาพรวมงานดี พื้นที่กว้าง การจัดการเรื่องห้องน้ำก็โอเค ไม่ได้แย่
ทั้ง 3 วันภาพรวมดีหมด แต่ว่าก็มีข้อสังเกต หรือคิดว่าน่าจะดีกว่านี้ได้อีกประมาณนี้
- ในงานสูบกัญชากันฉ่ำปอดมาก น้ำตาจะไหล เข้าใจว่างาน Fest แบบนี้ก็ต้องทำใจระดับนึง แต่มันเยอะไป ทำจุดสูบได้ไหม T_T
- Wristband ที่เติมเงินไป ใช้ซื้อเครื่องดื่มอย่างเดียว ส่วนอาหารอะไรต่าง ๆ ต้องโอนเงินหรือใช้เงินสด ส่วนบูตยาดม papermint field ก็ใช้เงินจาก Wristband ซื้ออย่างเดียว คือ Concept การจ่ายเงินในงานมันงงมาก ถ้าจ่ายเงินโดยใช้ Wristband อย่างเดียวทั้งงานก็คิดว่าน่าจะดีกว่านี้
- เนื่องจากเป็นพื้นเป็นเหมือนพื้นดินที่เป็นสนามหญ้าแห้ง บวกกับจำนวนคนที่เยอะมาก ฝุ่นเลยเยอะมากเหมือนกัน
- วันแรก ด่านตรวจ เอาลูกอมเข้าได้ ส่วนวันที่สอง เอาเข้าไม่ได้เฉย ซึ่งด่านเค้าอ้างว่ามีคนลักลอบเอายาเสพติดเข้าไปในรูปแบบลูกอม ซึ่งผมก็บอกไปว่า กล่องลูกอมยังซีลอยู่เลยนะ เค้าก็ตอบเบลอ ๆ สรุปเค้าให้เอาเข้าไป 2 กล่องจาก 4 กล่อง ที่เหลือทิ้งที่เค้า มันดูตลกไปหน่อย คือถ้าจะไม่ให้เอาเข้าเพราะเหตุผลนี้ก็ไม่ให้เอาเข้าเลยสักกล่องดีกว่า
- Bucket ที่ซื้อในงาน ราคา 650 บาท ถ้าเอามาเติมจะจ่าย 600 บาท วันที่สองอุตส่าห์เอา Bucket มา ซึ่งถามตรงทางเข้าแล้วว่าเอาเข้าได้ไหม ทีมงานบอกว่าได้ แต่พอมาที่ Gate แล้วโดนบอกให้ทิ้ง เอาเข้าไม่ได้ เลยเฟลอยู่เหมือนกัน
- วันที่สองขับรถไป ที่จอดรถของงานงงมาก ทางเข้าบอกจอดในโรงเรียนตรงข้ามงานได้เลย แต่พอเข้าไปข้างในพนักงานสต๊าฟบอกจอดไม่ได้ ให้ไปจอดที่ ปตท. ที่ไหนไม่รู้มีรถรับส่งฟรี คือเหมือนสต๊าฟบอกข้อมูลคนละชุดกัน และไม่มีวอสื่อสารกันเลย ลำบากคนต้องมาขับวนใหม่อีกรอบ แล้วหาที่จอดรอบ ๆ แทน
โดยภาพรวมงานดี มีปัญหาจุกจิกบ้าง สถานที่จัดไกลมากกก ไปหน่อย คิดว่าถ้าจัดใน กทม. ได้จะดีกว่านี้ การเดินทางต่าง ๆ น่าจะสะดวกกว่ามาก ถ้าปีหน้ามีจัดใน กทม. คงไปอีก แต่ถ้าจัดที่ภูเก็ตเหมือนเดิมคงไม่ไปแล้ว ขับรถเหนื่อย 55555
ขอจบรีวิวคร่าว ๆ แต่เพียงเท่านี้ ถ้าเจอกันในงานไหนทักได้ครับ : D