DISCLOSURE: บทความไม่ได้รับการสนับสนุนใดๆ

Mechanical Keyboard เป็นเหมือนรถหรูที่ทำได้แต่ฝันว่าสักวันนึงจะมีโอกาสได้ขับบ้าง ผมเองก็เคยคิดจะซื้อ Mechanical Keyboard มาใช้เหมือนกัน แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างสูง การถอย Mechanical Keyboard สำหรับผมจึงเป็นตัวเลือกหลัง ๆ ตลอด ไม่ได้ซื้อสักที..

จนกระทั่งโปร 3.3 ที่ผ่านมา ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ซื้อมาลอง ผมได้หา Mechanical Keyboard แบบที่เปลี่ยน Switch ได้ (Hot Swappable) เพราะว่าคิดว่าลงทุนซื้อทั้งทีก็ใช้ไปยาวๆ ถ้ามีปุ่มไหนพังก็เปลี่ยนเป็นปุ่ม ๆ ไปแทนที่จะเปลี่ยนทั้ง Keyboard ก็หาอยู่พักใหญ่ มีน่าสนใจอยู่หลายยี่ห้อทั้ง Keychron, Epomaker แต่สุดท้ายผมก็มาจบที่ Logitech G Pro X เพราะส่วนตัวใช้ Mouse G502 ของ Logitech อยู่แล้วไม่มีปัญหาอะไร ก็เลยซื้อมาให้ครบชุดซะเลย จะได้ไม่ต้องลง driver หรือ companion software ใหม่ด้วย

หลังจากแกะกล่องดูก็ประทับใจเลย ตัววัสดุทำมาแข็งแรงทนทาน สัมผัสดีมากกก ตัวที่ผมสั่งมาเป็น Blue Switch กดแล้วไม่มีปุ่มไหนติดขัด ปริ้นอักษรในแต่ละปุ่มชัดเจน ไฟ RGB ปรับแต่งได้ผ่านโปรแกรม Logitech G Hub ที่ผมติดตั้งอยู่แล้ว

post16 2
post16 1

ด้านล่างเป็นกลไกรอง Keyboard ที่ปรับความชันได้ 2 ระดับ เพื่อความถนัดในการพิมพ์

post16 3

บริเวณด้านบนเป็นช่องสำหรับสาย USB ซึ่งน่าเสียดายที่ยังเป็น Micro USB อยู่ทั้ง ๆ ที่ USB Type C น่าจะเป็นมาตรฐานของสาย USB ไปแล้วในปัจจุบัน และตัว Port กับสายมีเขี้ยวล็อคกันหลุดอยู่ด้วย

post16 4
post16 5

มุมขวาบนของ Keyboard มีปุ่มพิเศษอยู่สองปุ่ม คือปุ่ม Game Mode และปุ่มเปิดปิดไฟ RBG

post16 6

ตัว Keycap และ Switch สามารถถอดออกได้ ในกล่องมีเครื่องมือสำหรับถอดมาให้ด้วย เอาอุปกรณ์คีบและดึงออกมาตรงๆ ก็สามารถที่จะถอด Switch หรือ Keycap เพื่อเปลี่ยนได้

post16 7

โดยรวม ทั้งคุณภาพวัสดุ และ feeling ในการพิมพ์ดีมาก ดีกว่า Keyboard เดิมที่ผมเคยใช้มาทั้งหมดเลย ซึ่งใจจริง ๆ ผมอยากให้มี Num Pad ด้วย แต่ก็เข้าใจได้ว่าผลิตออกมาเพื่อเจาะกลุ่ม Gamer เลยตัดออกไป (10-Keyless Design)

จุดที่น่าสังเกตอีกอย่าง คือ Keycap แถวล่างสุด (แถวที่มี Spacebar) นั้นไม่ใช่ขนาดมาตรฐาน ทำให้ซื้อ Keycap ที่เป็นมาตรฐานมาเปลี่ยนไม่ได้ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นใหญ่อะไร

สรุป ชอบ ใช้ไปยาวๆ ต้องปรับตัวหน่อยตรงที่ไม่มี Key Pad