หลังจากที่เคยรีวิว RK61 Mechanical Keyboard ของ Royal Kludge ที่งานประกอบดีเกินราคา ผมก็ใช้งานเจ้า keyboard นี้มาประมาณ 4 เดือนกว่าโดยไม่พบปัญหาใด ๆ แต่ช่วงหลังเนื่องจากผมต้องพิมพ์ “/” เยอะ จากการเขียนโปรแกรมเกี่ยวกับ Web และการพิมพ์เครื่องหมาย Slash ใน RK61 ต้องกดคู่กับปุ่ม Fn นอกจากนั้นผมยังมีการสลับใช้งานระหว่าง Key Layout 60% และ Layout TKL อยู่ตลอด ทำให้พบปัญหา muscle memory สับสนอยู่ตลอด สร้างความหงุดหงิดพอสมควรเลยทีเดียว
ตัวของ Keyboard ตัวมันเองนั้นไม่มีข้อตำหนิใด ๆ เลย แต่เป็นที่ตัว 60% Layout มากกว่าที่ไม่เหมาะกับลักษณะการใช้งานของผม ความคิดที่จะต้องขจัดความหงุดหงิดในใจนี้จึงได้เริ่มก่อตัวขึ้นมา ว่าผมคงต้องเปลี่ยนไปใช้ Layout ที่ขยายใหญ่กว่านี้ และอาศัย muscle memory ให้น้อยลงเสียแล้ว เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาเวลาสลับไปใช้ keyboard อื่น ๆ
หลังจากดู มาสักพัก สุดท้ายก็มาจบที่ยี่ห้อ Royal Kludge เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ Layout ที่ขยายขนาดใหญ่ขึ้น ตัว Keyboard ที่ว่าก็คือ RK84 ที่ผมกำลังจะพามารีวิวดูกันนั่นเองงงงงง
งานประกอบ ยังคงแน่นหนาเกินราคาเหมือนเดิม รอบนี้ผมสั่งซื้อจากร้านค้าใน Shopee ที่ราคาพอ ๆ กับในหน้าเวปของ Royal Kludge เลย โดยสั่งแบบ Brown Switch และทางร้านมีบริการเลเซอร์อักษรภาษาไทยใส่ Key Caps แถมมาให้ด้วย ลองหากันดูนะครับ
สำหรับในกล่องนั้นประกอบด้วย
- ตัว Keyboard RK84
- สาย USB Type C สำหรับชาร์จไฟและเชื่อมต่อ 1 เส้น
- Switch Spare 4 ตัว
- เครื่องมือสำหรับถอด Key Caps / Switch 1 อัน
- Bumper แม่เหล็ก สำหรับต่อเพิ่มความชันของตัว Keyboard จำนวน 2 ตัว
- คู่มือ Quick Manual
รุ่นนี้มี USB Key มาเพิ่มให้ด้วย แก้ไขข้อเสียจากรุ่นเดิม ที่ถ้าหากจะใช้งาน macro ต้องต่อสาย USB เท่านั้น พอมาเป็นรุ่นนี้ที่พัฒนาขึ้น ก็สามารถใช้งาน macro โดยที่เป็นการใช้งานแบบไร้สายผ่าน Wireless 2.4GHz โดยตัว USB Key นั้นซ่อนอยู่ใต้ Keyboard ตอนใช้งานอาจจะต้องระวังหล่นหายกันหน่อย ส่วนการใช้งานผ่าน Bluetooth มีรูปแบบการทำงานเหมือนเดิม คือเชื่อมต่อได้สูงสุด 3 อุปกรณ์ และไม่สามารถใช้งาน macro ในขณะที่เชื่อมต่อผ่าน Bluetooth
ด้านใต้ของตัว Keyboard ก็มี Switch 2 อัน คือ Switch สำหรับเปิด-ปิด Keyboard (ใช้งานผ่าน Battery) และ Switch สำหรับสลับใช้งานระหว่าง Bluetooth และ Wireless 2.4GHz
ในส่วนของด้านบนเป็น Port USB Type C สำหรับต่อสายใช้งานผ่านสาย นอกจากนั้นยังมี USB Port เพิ่มให้อีก 2 ช่อง แปลว่ารุ่นนี้สามารถทำงานเป็น USB Hub ได้อีกด้วย!
ในกล่องมี Bumper แม่เหล็กมาให้ 2 อันสำหรับปรับความชันของ Keyboard ในกรณีที่พิมพ์ไม่ถนัด ตัวแม่เหล็กดูดติดแข็งแรงและดูดแรงพอสมควร แต่ไม่แนะนำให้ติดไว้ตอนเคลื่อนย้าย Keyboard ไปมา (เช่น เอาใส่กระเป๋า) เพราะอาจจะหลุดหายได้ครับ (ไม่ได้กิ๊กก๊อก แต่ก็ไม่ได้ดูดติดแน่นขนาดนั้นครับ)
ส่วนงานประกอบทั่วไป แน่นหนาดูดีเกินราคาเหมือนเดิม ทั้งตัว Keyboard และ Keycaps เป็นพลาสติก ABS ตัว Switch ที่ผมสั่งเป็น Brown Switch นั้นคาดว่าเป็นยี่ห้อของ Royal Kludge ทำเอง ซึ่งเป็นแบบ 3 pin โดยผมลองเอา Ocean Switch ของ AKKO มาเปลี่ยนใส่ใช้งาน ก็สามารถใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
การใช้งานก็ให้ความรู้สึกในการใช้งานดี และพิมพ์สะดวกขึ้นเพราะไม่ต้องคอยกด Fn เวลาพิมพ์ Slash แล้ว
จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ หากมีคำถามเพิ่มเติมถามใน comment ได้เลยครับ