ช่วงนี้ได้ลองผิดลองถูก ลองซื้อ Bitcoin (BTC) เก็บไว้ คิดว่ารายละเอียดพอจะเขียน Blog ได้ ก็เลยมาเขียนไว้หน่อยเผื่อเป็นประโยชน์ อันดับแรก ใครมีเวลาว่างมากพอ ไปอ่านบทความของคุณหนูเนยก่อนเลยย

Blockchain คืออะไร? อธิบายแบบละเอียด แต่เข้าใจง่าย(มั้ง)

น่าจะละเอียดสุดและเข้าใจง่ายสุดแล้ว แต่ถ้าใครไม่มีเวลา ผมจะสรุปหลักการของ Bitcoin ที่เกี่ยวข้องกับ user ตาใสๆแบบเรา เป็นข้อๆ ตามนี้

  1. ในโลก Bitcoin ทุกคนเป็นเจ้าของข้อมูลชุดเดียวกันหมด อัพเดทพร้อมกันทั้งเครือข่าย ทุกคนสามารถดูข้อมูลได้หมด ไม่มีใครสามารถโอนเหรียญให้ใครโดยหมกเม็ดไม่ให้ใครรู้ได้
  2. เหรียญ BTC ที่มีอยู่ในกระเป๋าใดๆ ไม่ได้เกิดจากการเก็บข้อมูลว่า “มีอยู่เท่าไหร่” แต่เกิดจาก “ธุรกรรมเหรียญเข้ากระเป๋าหักลบกับธุรกรรมเหรียญออกกระเป๋า”
  3. กระเป๋าที่ว่า ก็คือค่า Hash ซึ่งเป็นตัวหนังสือยาวๆ ซึ่งมีคู่ “กุญแจ” ที่เข้ากันได้ ซึ่งก็เป็น Hash เหมือนกัน ใครที่มี “กุญแจ” จะสามารถสั่งโอนเหรียญออกจาก “กระเป๋า” ได้
  4. การสร้างกุญแจจะใช้ “Seed” ซึ่งเปรียบเสมือนพาสเวิร์ด เป็นคำปกติที่เราพิมพ์กันเนี่ยแหละเอาไปเข้า Hash ให้ออกมาเป็น “กุญแจ” ดังนั้นเวลาเราจะสร้างกุญแจต้องใช้ Seed ที่เดาได้ยาก ไม่อย่างนั้นจะมีคนเดา Seed สร้างเป็นกุญแจแล้วจะสามารถสวมรอยโอนเหรียญแทนเราได้
ลำดับการสร้างกระเป๋า Bitcoin

ดังนั้น Seed และ “กุญแจ” คือสิ่งที่สำคัญมากที่เราต้องไม่ให้ใครรู้เด็ดขาด ไม่งั้นหมดตัวได้ เพราะโลก Bitcoin ไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใคร ใครมี “กุญแจ” ที่เข้ากันได้กับ “กระเป๋า” ก็สามารถสั่งโอนเหรียญออกได้หมด ขอมาพี่จัดให้!

และด้วยธรรมชาติของ Hash Function นั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครรู้ “กุญแจ” ของเรา หากเขาไม่ทราบ Seed ดังนั้นแนะนำว่าอย่าเก็บ Seed ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์เด็ดขาดด

ส่วน “กุญแจ” ก็มีการเก็บหลายแบบ แบบเป็นไฟล์ในคอมพิวเตอร์ หรือบางคนก็เก็บใส่ Hardware เช่น Ledger Nano

ส่วนรหัส “กระเป๋า” ยาวๆ เราสามารถแจกจ่าย แบ่งปันให้คนอื่นทราบได้ เปรียบเสมือนรหัส promt pay ของเราเลย ใครรู้ก็โอนเหรียญมากระเป๋าของเราได้ และรหัส “กระเป๋า” นี้ก็เป็นค่าที่ Hash ออกมาดังนั้นมันไม่มีทางซ้ำกันกับกระเป๋ารหัสกระเป๋าคนอื่นได้ ยกเว้นว่าจะมีกุญแจเหมือนกัน

ดังนั้นในโลก Bitcoin เราสามารถสั่งโอนเหรียญไปกระเป๋ารหัสมั่วๆอะไรก็ได้ แต่ก็จะเหมือนเอาเงินไปทิ้ง เพราะโอนออกไม่ได้ เนื่องจากเราไม่มี “กุญแจ” ที่จะสั่งโอนเหรียญออกจากกระเป๋ารหัสมั่วๆนั้นได้นั่นเอง

พูดไปไม่เห็นภาพ มาลองสร้างกระเป๋า Bitcoin กันดีกว่า ผมจะลองสร้างกระเป๋า Bitcoin ด้วย Electrum ซึ่งเป็นโปรแกรม opensource สำหรับสร้างกระเป๋า Bitcoin ก็ไปโหลดกันมา มีทั้งแบบตัว installer และ portable จากนั้นเปิดโปรแกรมครับ

เปิดโปรแกรมมาก็ทำการตั้งชื่อ “กระเป๋า” เราก่อนเลย หรือใครมีไฟล์กระเป๋าอยู่แล้วก็เลือกไฟล์ได้เลย ตอนนี้ผมจะสร้างกระเป๋าใหม่ก่อน ตั้งชื่อแล้วกด Next
จากนั้นเลือกเป็น Standard Wallet แล้วกด Next
เลือกสร้างกระเป๋าด้วย Seed ใหม่ กด Next
เพื่อให้ใช้งานได้กับที่อื่นๆด้วย เลือกรูปแบบการสร้าง Seed เป็น Legacy (แบบดั้งเดิม) ไว้ก่อนครับ กด Next
จากนั้นโปรแกรมจะแสดง Seed ให้เราทำการจดเอาไว้ครับ ให้คำและลำดับถูกต้อง ถ้าผิดแล้วเกิดไฟล์ “กุญแจ” เราหายไป เงินเราจะหายไปตลอดกาลด้วย…
ก็บอกแล้วว่าให้จด…. โปรแกรมจะให้เราพิมพ์ Seed เพื่อคอนเฟิร์ม ก้อปมาแปะไม่ได้ด้วย พิมพ์ให้ครบแล้วกด Next เลยครับ
โปรแกรมจะให้เราตั้ง password กระเป๋า เพื่อใช้เข้ารหัสไฟล์กระเป๋า กันคนมาเปิดดู ก็ตั้งรหัสตามปกติ แล้วกด Next หรือถ้าไม่อยากเข้ารหัสก็กด Next เลยโดยไม่ต้องตั้ง password
เสร็จแล้ว!!! พร้อมใช้งาน!!

เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเสร็จ กระเป๋า Bitcoin เราก็พร้อมใช้งานแล้ว โดยเราสามารถส่ง “รหัสกระเป๋า” (Receiving Address) ไปให้คนอื่นเพื่อให้โอนเหรียญเข้ากระเป๋าเราได้ โดยดูที่แถบ Receive

ตัวอักษรปนตัวเลขยาวๆ อันนั้นรหัสกระเป๋าของเราเอง หรือจะส่งเป็น QR Code ก็ได้เช่นกัน

หรือในทางกลับกัน เราสามารถส่งเหรียญจากกระเป๋าเรา ไปให้คนอื่นได้เช่นกัน โดนเราต้องทราบ รหัสกระเป๋า (Receiving Address) ของปลายทาง เพื่อนำมากรอกเพื่อทำการส่งเหรียญ

การใช้งานเบื้องต้นก็ประมาณนี้ครับ อย่างที่บอกไปแล้ว ว่า Seed ต้องเก็บไว้ให้มั่น กรณีที่คอมเราหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม แบตบวม เครื่องระเบิด ถ้าเรายังมี Seed อยู่เราก็สามารถที่จะดึงข้อมูลกระเป๋าเรากลับมาได้ตลอดครับ (หรือถ้าใครขโมย Seed เราไปได้ เขาก็สามารถเปิดกระเป๋า โอนเหรียญออกได้เหมือนกัน)

บทความต่อไป เดี๋ยวจะพาไปจ่ายตลาด ซื้อเหรียญกัน ของไทยเท่าที่ทราบก็มีอยู่ 2 ที่คือ Satang.pro กับ bitkub.com โปรดติดตามตอนต่อไป…

Abbreviation

“กุญแจ” หมายถึง Private Key

“กระเป๋า” หรือ “รหัสกระเป๋า” หมายถึง Public Key